ครูส่งรูปนักเรียนอนุบาลหลับกลางวัน ลบใน 30 วินาที แต่ไม่ทันการณ์ ผู้ปกครองฟังเหตุผลยิ่งเดือด ตัดสินใจย้ายโรงเรียนให้ลูกเว็บไซต์ SOHA รายงานเรื่องราวของ เสี่ยวเหวิน จากประเทศจีน เธอแต่งงานและมีลูกช้ากว่าปกติ เพราะให้กำเนิดลูกสาวตอนอายุเกือบ 35 ปี ด้วยความที่เป็นลูกคนเดียว สามีภรรยาจึงรักและตามใจลูกเป็นพิเศษ ไม่อยากให้ต้องลำบาก อย่างไรก็ตาม ถึงจะรักแค่ไหน ลูกสาวของเธอ “คิกิ” ก็ต้องเข้าเรียนอนุบาล
เมื่อลูกเข้าโรงเรียนใหม่ เสี่ยวเหวินกับสามีเป็นกังวลมาก คอยเช็กข้อความในกลุ่มผู้ปกครองตลอดเวลา กลัวว่าคิกิจะไม่ได้กินอิ่มหรือนอนไม่พอ พวกเขาจึงขอให้คุณครูส่งรูปของลูกมาให้ดูเป็นระยะวันหนึ่ง ครูส่งรูปคิกิกำลังนอนกลางวันมาให้ แต่ไม่ถึง 30 วินาที ก็ลบออก ทว่าเสี่ยวเหวินเห็นทัน และเธอโกรธมาก เพราะภาพนั้นเผยให้เห็นว่า คิกิไม่ได้หลับ แต่กำลังกัดมุมผ้าห่มเล่น ขณะที่ครูอยู่ข้าง ๆ กำลังก้มหน้าจ้องโทรศัพท์โดยไม่สนใจเด็กเลย
เสี่ยวเหวินรีบส่งข้อความไปหา ครูทันทีว่า “สายไปแล้วค่ะ ฉันเห็นภาพนั้นแล้ว! คุณไม่มีความรับผิดชอบเลย ไม่เพียงแต่ไม่กล่อมลูกฉันนอน ยังเอาแต่เล่นโทรศัพท์ ที่บ้านเราดูแลเรื่องนี้ตลอด”
ครูจึงชี้แจงว่า “เราเป็นครูอนุบาล หน้าที่ของเราคือให้เด็ก ๆ ค่อย ๆ สร้างนิสัยนอนกลางวันด้วยตัวเอง เราไม่สามารถบังคับให้เด็กหลับได้ อีกอย่างช่วงพักกลางวัน เราต้องใช้โทรศัพท์เพื่อตอบข้อความผู้ปกครองด้วย ซึ่งเป็นช่วงเวลาพักของเรา การใช้โทรศัพท์เล็กน้อยเป็นเรื่องปกติ”
อย่างไรก็ตาม เสี่ยวเหวินไม่พอใจ เธอมองว่าคุณครูของโรงเรียนนี้ขาดความรับผิดชอบ และตัดสินใจย้ายคิกิไปเรียนที่อื่น
นี่เป็นความผิดของครู หรือผู้ปกครองกังวลมากเกินไป? นี่คือประเด็นที่ชาวเน็ตกำลังถกเถียงกัน
หลายคนมองว่า การใช้โทรศัพท์ในช่วงพักกลางวันเป็นเรื่องปกติสำหรับคุณครู เพราะในชั้นเรียนที่มีเด็กหลายสิบคน ครูไม่สามารถกล่อมเด็กทุกคนให้นอนได้ ในกรณีนี้ แทนที่คุณแม่จะตอบโต้ด้วยความไม่พอใจ เธออาจเลือกพูดคุยกับครูเพื่อหาทางออกที่ชัดเจน และมั่นใจได้ว่าลูกของเธอได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม
ในขณะเดียวกัน ครูก็ควรเข้าใจและเห็นใจความกังวลของผู้ปกครอง โดยเฉพาะเมื่อเด็กยังใหม่กับสภาพแวดล้อมโรงเรียน แทนที่จะทำเพียงตามหน้าที่หรือใช้เวลาพักไปกับเรื่องส่วนตัว คุณครูอาจให้ความใส่ใจและดูแลเด็ก ๆ ให้มากขึ้นในช่วงเวลานอนกลางวัน เพื่อลดความกังวลของผู้ปกครอง
สุดท้ายความไว้วางใจและการสื่อสารคือกุญแจสำคัญ ในการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีสำหรับเด็ก ทั้งผู้ปกครองและครูต่างมีบทบาทในการสนับสนุนการเติบโตของเด็ก หากทั้งสองฝ่ายเปิดใจรับฟังกันและทำงานร่วมกันมากกว่าการตำหนิซึ่งกันและกัน เด็กก็จะสามารถปรับตัวและเติบโตในโรงเรียนได้อย่างมีความสุข